Bangmod Guru EP.17 ตอน เจาะลึกเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้า SMAS Plication & SMAS Ectomy"

ขอนำเสนอ Bangmod Guru เจาะลึกคำถามที่หลายคนสงสัย ไขความลับเทคนิคขั้นสูงของการดึงหน้า SMAS Plication SMAS Ectomy ใน Bangmod Guru EP.17 ตอนเจาะลึกเทคนิค การผ่าตัดดึงหน้า SMAS Plication SMAS Ectomy ถ้าพร้อมแล้วไปไขความลับพร้อมกันเลย
 


สำหรับวันนี้จะมาเจาะลึกเกี่ยวกับเทคนิคการผ่าตัด เทคนิคการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เรียกว่า MODERN FACELIFT อย่างที่หมอเคยพูดมาหลายๆตอนแล้วว่า จะมีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 
อดีต โดยรวมแล้วจะมีการผ่าตัดตั้งแต่ ดึงหน้า ที่เรียกว่า SUBCUTANEOUS FACELIFT 
( รูปที่ 1 )
( รูปที่ 2 )
หมายความว่าดึงหน้าเฉพาะชั้นตื้นๆ ดึงเฉพาะชั้นผิวหนัง ชั้นไขมัน ข้อเสียคือ “ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่ยาวนาน” และอีกอย่างคือ “ความเป็นธรรมชาติจะน้อย” ทำแล้วจะดูหน้าแข็ง
ในปัจจุบัน เทคนิคจะพัฒนาขึ้น เรียกได้ว่า MODERN FACELIFT มีส่วนสำคัญคือ การค้นพบของแพทย์ว่าการดึงหน้าเราไม่จำเป็นต้องดึงเยอะ เราดึงในชั้นที่เรียกว่า SMAS คือชั้นกล้ามเนื้อ ( รูปที่ 3 ) ซึ่งอยู่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง ลึกกว่าชั้นไขมัน 
การดึงหน้าในชั้น SMAS ข้อดี : ทำให้ผลลัพธ์ อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้พัฒนาการในการผ่าตัดดึงหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในยุคก่อน ถึง ยุคปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่ได้จะต่างกันชัดเจน เนื่องจากเรามีเทคนิคที่เรียกว่าการดึงในชั้น SMAS 
สำหรับในวันนี้ก็จะมาเจาะลึก ว่าเทคนิคในการผ่าตัดของแพทย์ในชั้น SMAS มีอะไรบ้าง และเทคนิคที่เหมาะสมสำหรับทั่วไป เหมาะสมสำหรับทุกคนที่มีความหย่อนคล้อยบนใบหน้าควรใช้เทคนิคไหน 

เทคนิคการผ่าตัดในชั้น SMAS มีอยู่ 2 เทคนิคหลักๆ 
1. SMAS Plication  2.SMAS Ectomy  2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร?

SMAS Plication การเย็บชั้น SMAS เย็บทบกล้ามเนื้อ คือเย็บให้กล้ามเนื้อทับกัน ( รูปที่ 4 ) ในหลักการทั่วไปเวลาคนไข้ที่มีความหย่อนคล้อยบนใบหน้านอกจากที่ผิวหนังจะยืดขยายออกหย่อนคล้อยลง ในชั้น SMAS หรือชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกกว่าผิวหนังตัวกล้ามเนื้อก็จะมีการยืดขยาย ( รูปที่ 5 ) และก็หย่อนคล้อยลงด้วย ดังนั้นเมื่อกล้ามเนื้อมีการหย่อนคล้อยมีกานยืดขยาย การทำ SMAS Plication คือการเย็บทบกล้ามเนื้อที่มีความยาวเย็บทบให้สั้นลง เมื่อกล้ามเนื้อสั้นลงก็จะมีความตึงที่มากขึ้น ความหย่อนคล้อยน้อยลง เรียกว่าเทคนิค SMAS Plication 
ข้อดี : 1.การผ่าตัดทำได้ไม่ยากมาก 2.การที่ไม่ได้ตัดชั้นกล้ามเนื้อเลย เย็บให้กล้ามเนื้อมาทบกัน ข้อดีคือมีความปลอดภัยต่อเส้นประสาท เนื่องจากว่าเส้นประสาทบนกล้ามเนื้อหรือบนใบหน้าจะอยู่ในชั้นที่ลึกกว่ากล้ามเนื้อ คือใบหน้าของเราจะมีทั้งหมด 5 ชั้น ( รูปที่ 6 ) ชั้นแรกคือผิวหนัง ชั้นที่2คือไขมัน ชั้นที่3คือSMAS คือชั้นกล้ามเนื้อ ส่วนชั้นที่ถัดจาก SMAS จะเป็นชั้นที่อยู่ของตัวเส้นประสาท ดังนั้นเวลาผ่าตัดศัลยแพทย์ทุกคนต้องระวังอย่างมาก ถ้าผ่าตัดลงไปลึกกว่าชั้นSMAS มีโอกาสที่จะโดนเส้นประสาท มีโอกาสปากเบี้ยว ยิ้มไม่ได้ หรือหลับตาไม่สนิท ส่วนนี้คือผลกระทบที่สูงมากที่ควรระวัง ( รูปที่ 7 ) ดังนั้นข้อดีของการทำ SMAS Plication จะปลอดภัยต่อเส้นประสาทมาก ( รูปที่ 8 ) ใช้วิธีการเย็บให้กล้ามเนื้อสั้นลงให้ตึงขึ้น 80-90 เปอร์เซ็นของการทำศัลยกรรมในปัจจุบัน การดึงหน้าที่เรียกว่า MODERN FACELIFT จะใช้เทคนิคนี้เป็นส่วนใหญ่ 
ข้อเสีย : เวลาเย็บทบเข้ามาแล้วกล้ามเนื้อตึงขึ้น กล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยดีขึ้นสั้นลง การที่เย็บทบทำให้มีบางส่วนทบกันจะมีความนูนขึ้นมา ดังนั้นจะมีโอกาสที่ผิวจะไม่เรียบได้ เนื่องจากเย็บกล้ามเนื้อให้นูนขึ้นมา จริงๆเราไม่ได้ต้องการให้นูน แค่ต้องการให้สั่นๆลง ให้ตึงขึ้น แต่เนื่องจากว่าเราไม่ได้ตัดตัวกล้ามเนื้อ เพราะว่าความปลอดภัยในเรื่องของเส้นประสาท จึงทำให้เวลาทบกันแล้วมีความนูนบางส่วน นี่คือข้อเสียสำหรับคนที่ผิวบาง คนที่ผิวบางพอใช้ SMAS Plication หรือว่าคนที่หย่อนคล้อยมากต้องดึงเยอะ พอดึงเยอะก็จะเกิดการทับกันของกล้ามเนื้อที่เยอะ ส่วนนี้คือข้อเสียของคนไข้ที่ผิวบางหรือที่ต้องดึงเยอะๆ การทำ SMAS Plication Alon ถ้าทำ SMAS Plication อย่างเดียวจะเกิดความไม่เรียบของผิวหนังได้ ดังนั้นนอกจาก SMAS Plication แล้วก็จะมีอีกเทคนิคหนึ่งเป็นเทคนิคที่ 2 ที่มาช่วยแก้ไขปัญหานี้ 

SMAS Ectomy การทำ SMAS Ectomy คำว่า Ectomy คือตัดออกเลย นอกจากจะเย็บทับกล้ามเนื้อแล้ว และอีกเทคนิคคือตัดกล้ามเนื้อบริเวณนั้นออกเลย และเย็บเข้าจะทำให้ไม่มีการทับซ้อนกัน นอกจากนั้นก็ไม่มีการนูนขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเรียบขึ้น และมีความตึงมากขึ้น แต่อย่างที่บอกมาก่อนหน้านี้คือมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย 
SMAS Ectomy  ข้อเสีย : การที่ตัดกล้ามเนื้อบางส่วนมีโอกาสที่จะไปโดนเส้นประสาทที่อยู่ใต้ SMAS ได้ ดังนั้นความปลอดภัยน้อยกว่า SMAS Plication การที่ตัดชั้น SMAS ถ้าตัดลึกเกินไป ไปโดนเส้นประสาทบางส่วน หรือบางส่วนเส้นประสาทไม่ได้ขาดแต่ว่ามีการบวมช้ำกับการที่ผ่าตัดเนื้อเยื่อบวมช้ำก็ทำให้หลังผ่าตัดมีโอกาสที่จะหยุดทำงาน ทำให้เกิดปากเบี้ยวได้ เพราะฉะนั้นส่วนนี้เป็นข้อเสียของ SMAS Ectomy  

สรุป...ปัจจุบันเทคนิคที่ดีที่สุดคือการทำ SMAS มี SMAS Plication และ SMAS Ectomy มีข้อดีข้อเสียต่างกัน สุดท้ายเทคนิคที่ดีที่สุด คือนำมาประยุกต์รวมกันเป็นเทคนิค MODERN FACELIFT คือใช้ทั้ง SMAS Plication ใช้ทั้ง SMAS Ectomy เอาข้อดีของทั้ง 2 อย่างมารวมกัน เทคนิคปัจจุบันจะเย็บกระชับกล้ามเนื้อก่อนทำ SMAS Plication ก่อน หลังจากนั้นค่อยดูว่ามีส่วนไหนที่นูน ถ้าไม่มีส่วนที่นูนคือจบเลย ก็ทำแค่ SMAS Plication ปลอดภัยสุดได้ผลดีสุด แต่ถ้าเกิดเย็บทบขึ้นมาแล้วมีจุดที่นูนบางส่วน จะทำ SMAS Ectomy เฉพาะจุดที่นูนทำให้เรียบ ทำ SMAS Ectomy ให้น้อยที่สุด ก็จะปลอดภัยที่สุด ไม่จำเป็นต้องทำ SMAS Ectomy ทั้งหมด ในเมื่อความปลอดภัยสำคัญสุด การผ่าตัดศัลยกรรมทุกอย่าง ต้องทำให้ปลอดภัยสูงสุด ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด เทคนิคปัจจุบันที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ ทำ SMAS Plication ก่อน แล้วมาประยุกต์ใช้ SMAS Ectomy ตัดเฉพาะบางส่วนที่นูนขึ้น สุดท้ายแล้วจะได้ทั้งความตึง และความเรียบและได้ความปลอดภัยที่สูงสุดด้วย ในเทคนิคของ MODERN FACELIFT ปัจจุบัน 


“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”

ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่ 
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
http://bangmodaesthetic.com/home
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos
เพิ่มเพื่อน