“Modern Facelift” นวัตกรรมใหม่...ย้อนวัยให้ใบหน้า

หลายๆ คนที่กำลังมองหาวิธีการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อยบนใบหน้า เพราะวัยที่เพิ่มขึ้น คงเคยได้ยินชื่อ “Facelift” หรือ “การดึงหน้า” กันอยู่บ้าง ซึ่งหากกล่าวตามหลักการแพทย์แล้ว การดึงหน้า ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าและลำคอ 

ยุคแรก “Skin only Facelift”
เมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์การศัลยกรรมดึงหน้า แท้จริงแล้วเริ่มกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 100 ปีก่อนหน้านี้  ประมาณปี 1900 ซึ่งในประวัติศาสตร์ ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่า แพทย์ท่านใดกระทำการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) เป็นคนแรก และในสมัยนั้นการแพทย์ยังไม่พัฒนามากนัก ดังนั้น การผ่าตัดดึงหน้า ศัลยแพทย์จึงไม่กล้าผ่าตัดลงลึก หรือผ่าตัดเยอะ เพราะกลัวเรื่องของเส้นประสาท และชั้นกล้ามเนื้อต่างๆ 

 
เพราะฉะนั้น ในยุคแรกของการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า จะเป็นเพียงการผ่าตัดเพียงผิวหนังด้านข้าง ตัดผิวหนังบริเวณไรผม และเย็บกลับเข้าไปเหมือนเดิมเท่านั้นเอง ซึ่งเรียกว่า “Skin only Facelift” โดยผลลัพธ์ที่ได้ไม่ถาวร แก้ความหย่อนคล้อยได้ไม่มาก สักพักความหย่อนคล้อยจะกลับมาใหม่ 

 
ยุคที่ 2 “Full - facelift”
ต่อมาในยุคที่ 2 หรือยุคกลาง ประมาณ 40 ปีถัดมา ในปี 1940 – 1970 เป็นยุคของการทำศัลยกรรมเฟื่องฟู เนื่องจากแพทย์มีการศึกษาด้าน Anatomy มากขึ้น และรู้ว่าใบหน้ามี 5 ชั้น  จึงทำให้เข้าใจว่า เส้นประสาทอยู่ส่วนไหน กล้ามเนื้ออยู่ตรงไหน เข้าใจเรื่องของความหย่อนคล้อยมากขึ้นว่าเกิดในส่วนไหนบ้าง ดังนั้น การทำศัลยกรรมในยุคนี้จึงเรียกว่า การทำศัลยกรรม Full Facelift หรือ Deep Plane Facelift 

Full Facelift หรือ Deep Plane Facelift คือ การศัลยกรรมในลักษณะการเปิดทั้งหน้าและดึงในชั้นลึก ซึ่งลึกลงกว่าชั้นกล้ามเนื้อ (sub-SMAS facelift) และยังมีแพทย์บางคนดึงลึกลงถึงชั้นเยื่อหุ้มกระดูก เรียกว่า Subperiosteal facelift ดังนั้น การดึงหน้า Full facelift หรือ Deep Plane Facelift ในยุคที่ 2 หรือยุคกลาง จึงเป็นการผ่าตัดดึงหน้าเยอะ คือ ดึงทั้งใบหน้าและลงในชั้นลึก 
 
แต่อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้รับกลับไม่ได้ดีมาก เนื่องจากการดึงในชั้นลึกมาก ทำให้ใบหน้าเกิดความตึงจนเกินไปจนใบหน้าเป็น Mask Face ดูไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้พักฟื้นเป็นเวลานาน เกิดอาการบวมช้ำ กว่าจะหายต้องใช้เวลาเยอะขึ้น 

ยุคที่ 3 “SMAS Facelift”
ต่อมาในยุคที่ 3 หรือประมาณ 10 – 20 ปีที่ผ่านมานี้ ทางการแพทย์ค้นพบว่า ความจริงแล้วถึงแม้ความหย่อนคล้อยจะเกิดทั้ง 5 ชั้น แต่การผ่าตัดดึงหน้าในชั้นที่ 3 หรือเรียกว่า ชั้น SMAS จะทำให้ใบหน้าสามารถตึงขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงลึกถึงชั้นใต้กล้ามเนื้อ หรือลงลึกถึงชั้นกระดูก ดังนั้น การผ่าตัดดึงหน้าแทบจะทั้งหมด จะเน้นที่การดึงชั้น SMAS เรียกว่า SMAS – manipulated Facelift เช่น การทำ SMAS plication คือ การเย็บชั้น SMAS ให้ตึงขึ้น, การทำ SMAS Ectomy การตัด SMAS และเย็บกลับเข้าไป 

เพราะฉะนั้น การดึงหน้าในชั้น SMAS นี้ คือ ไม่จำเป็นต้องทำเยอะ หรือดึงหน้าในชั้นลึกเหมือนยุคกลาง แต่ผลลัพธ์ที่ได้มากกว่ายุคแรก ซึ่งเป็นการดึงหน้าเฉพาะผิวหนัง นั่นคือ ทำให้ใบหน้าตึงได้ เป็นธรรมชาติ พักฟื้นน้อยลง 

รายการ Bangmod Guru EP.10 ตอน ประวัติศาสตร์การดึงหน้า (The History of Facelift)

 
Modern Facelift คืออะไร ?
“Modern Facelift” เป็นเทคนิคใหม่ ซึ่งทางศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด ได้พัฒนาขึ้นมา ซึ่งคิดค้นและศึกษาข้อมูลการผ่าตัดดึงหน้าตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของผลลัพธ์ในการผ่าตัดแต่ละรูปแบบ ก่อนจะมาเป็น Modern Facelift กล่าวคือ 

1. Modern Facelift แก้ไขปัญหาเป็นส่วนๆ ได้ 
ปัญหาความหย่อนคล้อย ในแต่ละบุคคลล้วนเกิดปัญหาไม่เท่ากัน และไม่ได้เกิดขึ้นทุกส่วนพร้อมกันหมด ในแต่ละส่วนของใบหน้า เพราะฉะนั้น การทำ Modern Facelift จะไม่เหมือนในอดีต ที่หมายถึง การดึงทั้งหน้า รวมทั้ง ลำคอด้วย ดังนั้น Modern Facelift จึงแยกเป็นส่วนๆ และแก้ไขปัญหาเป็นส่วนๆ ได้ อาทิ Temporal lift, Upper Facelift, Middle Facelift, Lower Facelift, Neck lift, Forehead lift ซึ่งแพทย์จะต้องต้องทำการประเมินความหย่อนคล้อยในแต่ละส่วนก่อน ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน มีปัญหาหย่อนคล้อยส่วนไหน ทำในส่วนนั้น เช่น บางคนความหย่อนคล้อยเกิดแค่ส่วนคอ ก็แก้ไขแค่ส่วนคอ ซึ่งการแบ่ง Segmental Facelift เช่นนี้ ข้อดีคือ ไม่ต้องทำเยอะ แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

2. มีความ Individualized มากขึ้น
ปัจจุบันศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด มีการ Grading หรือ Classification ความหย่อนคล้อย เป็น 4 Grade โดยการผ่าตัดจะ Grading ให้พอดีกับคนไข้ เช่น มีความหย่อนคล้อย Grade 4 แพทย์ก็จะทำการดึงในชั้น SMAS เยอะหน่อย แต่ถ้าหย่อนคล้อยน้อย แพทย์ก็จะดึง SMAS น้อย พูดง่ายๆ คือ แพทย์จะทำการผ่าตัดให้มีความพอดี ตรงตามกับ Grading ของความหย่อนคล้อยในแต่ละบุคคล เป็นการปรับตามความหย่อนคล้อยว่าอยู่ใน Grade ไหน ควรเย็บตึงเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น จะมีความพอดีในแต่ละส่วนมากขึ้น

 
 
3.วิธีการผ่าตัดเป็นการฉีดยาชา (LA Local) 
เมื่อการผ่าตัดดึงหน้า Modern Facelift สามารถแยกทำเป็นส่วนๆ ได้ เช่น ทำเพียง 1-2 ส่วน วิธีการผ่าตัดจากเดิมต้องดมยาสลบอย่างเดียว ก็สามารถจะทำเป็นการฉีดยาชา เมื่อเป็นการผ่าตัดด้วยวิธีการฉีดยาชา ระยะเวลาการพักฟื้นก็จะเร็วขึ้น ระยะเวลาการผ่าตัดก็จะลดน้อยลง 
 
กล่าวโดยสรุปคือ การผ่าตัดดึงหน้า แบ่งออกเป็น 3 ยุค ได้แก่ 
- ยุคแรก เป็นการดึงหน้าที่สามารถทำได้น้อย และผลลัพธ์ไม่ค่อยดี 
- ยุคที่ 2 หรือยุคกลาง แพทย์เข้าใจในเรื่อง Anatomy มากขึ้น ทำให้การผ่าตัดทำในชั้นที่ลึกขึ้น และทำเยอะ แต่ผลลัพธ์คือ พักฟื้นนาน และตึงเกินไป ไม่เป็นธรรมชาติ 
- ยุคที่ 3 เป็นการผ่าตัดดึงหน้าในชั้น SMAS ผลลัพธ์คือ ทำได้ดีมากขึ้น จากยุคแรก และยุคกลาง
- เทคนิคล่าสุด “Modern Facelift” การผ่าตัดที่มีการวิเคราะห์ปัญหาด้วยการ Grading วัดความหย่อนคล้อยว่าอยู่ในระดับไหน และปรับการผ่าตัดตามระดับ Grading โดยแยกทำเป็นส่วนๆ ด้วยวิธีการฉีดยาชา ทำให้ระยะเวลาการผ่าตัดและพักฟื้นน้อยลง ความธรรมชาติและความคงทนมากขึ้น เพราะทำในชั้น SMAS

รายการ Bangmod Guru EP.11 ตอน การดึงหน้าเทคนิคใหม่ Modern Facelift

 


สรุปข้อดีของ Modern Facelift (7s)

1. Segmental Facelift : สามารถทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบแยกส่วนได้ ทำเฉพาะส่วนที่เป็นปัญหาจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำทุกส่วน 
2. SMAS : ปรับความตึงในการเย็บกล้ามเนื้อ ตามความหย่อนคล้อยของแต่ละคน
3. Safety : เมื่อการผ่าตัดสามารถทำแบบแยกส่วนได้ จึงไม่จำเป็นต้องทำเยอะ เพราะยิ่งทำน้อย ยิ่งปลอดภัย การผ่าตัดสามารถใช้การฉีดยาชาแทน ซึ่งจะมีความปลอดภัยกว่าการดมยาสลบ
4. Selected and Individualized : จะมีการ Grading ความหย่อนคล้อยของใบหน้าในแต่ละส่วน สำหรับการผ่าตัดก็จะมีการปรับตามความหย่อนคล้อยของคนไข้แต่ละคน ตรงกับปัญหาของแต่ละคนมากขึ้น
5. Shorten recovery time : ระยะเวลาในการพักฟื้นจะน้อยลง เพราะทำเพียงบางส่วน
6. Soft and Natural Look : ปรับการผ่าตัดตาม Grading ของความหย่อนคล้อย ผลลัพธ์การผ่าตัด จะทำให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
7. Sustainable Lift : ผลลัพธ์คงทนถาวร ยาวนานมากขึ้น


 
 

 
 






 
 
 





 
 
“มั่นใจยิ่งกว่า ที่โรงพยาบาลบางมด”

ปรึกษาปัญหาความงามเพิ่มเติมได้ที่ 
เบอร์โทรศัพท์ : 0-2867-0606 ต่อ 1200 , 084-456-7777 , 063-770-0968 , 062-257-5499
http://bangmodaesthetic.com/home
Facebook : www.facebook.com/Bangmodaestheticcenter
LINE ID : @bangmod
Instagram : bangmodaesthetic
YouTube : http://www.youtube.com/user/bangmodhos
เพิ่มเพื่อน